วันนี้ต้องดีกว่าเมื่อวาน
บทความนี้ ฟรายเดย์ โฟลว ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ 12 กฎที่ใช้ได้ตลอดชีวิต (12 RULES FOR LIFE) อีกแล้วค่ะ ซึ่งเราได้นำเนื้อหาส่วนที่น่าสนใจมาจาก กฎข้อที่ 4 เปรียบเทียบตัวคุณกับคนที่คุณเป็นในอดีต ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นเป็นในวันนี้ มาเล่าให้คุณผู้ชมได้อ่านกันนะคะ
การที่มนุษย์ส่วนใหญ่มักจะนำตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่นนั่นก็เพราะ ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่เราเป็นเด็ก เพราะเรายังไม่มีมาตรฐานทางความคิดเป็นของเราเอง เราจะดูตามแบบอย่างของพ่อแม่ พี่ชาย พี่สาว หรือคนใกล้ตัว มาตรฐานต่างๆที่ถูกกำหนดขึ้นนั้น ทำให้เรานำตัวเองไปเปรียบเทียบว่าเราทำแบบนั้นถูกต้องหรือไม่ เช่น เวลาหัดเดิน เราก็จะเปรียบเทียบท่าทางการเดินของเราว่าเหมือนที่คนอื่นๆเดินหรือไม่ ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นโดยเราไม่รู้ตัวว่ากำลังเปรียบเทียบกับผู้อื่นอยู่ และเมื่อเราโตขึ้น การเปรียบเทียบนั้นก็ยิ่งฝังรากลึกมากขึ้นตามลำดับ ยิ่งในสังคม Social ที่ผู้คนต่างก็ลงเรื่องราวต่างๆของชีวิตให้ได้เห็น ยิ่งทำให้เรานำตัวเองเปรียบเทียบกับผู้อื่นได้ง่ายมากๆเลยค่ะ แต่เราอาจลืมกันไปหรือเปล่าคะ สิ่งที่เราได้เห็น ส่วนใหญ่มักจะเป็นการนำเสนอเพียงด้านมุมหนึ่งของชีวิตเท่านั้นไม่ใช่ทั้งหมด ลองถามตัวเองดูค่ะว่า คุณผู้อ่านเคยเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นหรือไม่ ส่วนเราเองเคยนับครั้งไม่ถ้วนเลยค่ะ ซึ่งทุกครั้งที่เรานำตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น ก็จะเต็มไปด้วยความรู้สึก ทั้งการอยากจะแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น อยากจะเหนือกว่า อยากจะดีกว่า น้อยเนื้อต่ำใจ และนำมาซึ่งการอิจฉาริษยา ทุกครั้งที่เราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขเลยจริงมั้ยคะ
นั่นคือเหตุผลสำคัญว่า ทำไมเราถึงควรกลับมาให้ความสำคัญกับการพิจารณาที่ตัวเอง เปรียบเทียบกับตัวเราเอง ว่าเราในวันนี้ ดีขึ้นกว่าเมื่อวานหรือยัง เราไม่จำเป็นต้องเป็นที่หนึ่งในทุกๆเรื่องบนโลกนี้ก็ได้ค่ะ เพราะชีวิต ไม่ได้มีแค่คำว่า แพ้กับชนะ ไม่ได้มีแค่คำว่า สำเร็จกับล้มเหลว ชีวิตยังมีคำว่า ความสุข ความสบายใจ ความชอบ และอีกมากมายที่พร้อมให้เราได้เข้าไปสัมผัส การที่เราทำตัวเองในวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน ไม่ใช่การใช้ชีวิตเพื่อแข่งขันกับใคร หรือ ต้องดีกว่าคนอื่น แต่เราทำเพื่อแข่งขันกับตัวเราในอดีต ให้เราดีขึ้นกว่าเดิมให้ได้ เราลองมาใส่ใจและสังเกตตัวเองกันดูนะคะว่าเราจะดีขึ้นกว่าเมื่อวานได้อย่างไร โดยเริ่มดังนี้ค่ะ
1.อะไรที่รบกวนใจเราอยู่
ให้เราตั้งคำถามกับตัวเองดูค่ะว่า เรายังขาดตกบกพร่องเรื่องอะไร เลือกเรื่องที่กวนใจเราจนเป็นปัญหาที่ยังค้างคาใจ เช่น ขี้เกียจมากไป นอนดึกเกินไป ใช้เงินเก่งเกินไป ไม่ค่อยดูแลสุขภาพ
2.เราจะแก้ไขได้ยังไง
เมื่อตั้งคำถามแล้วว่าสิ่งที่กวนใจเราจนเป็นปัญหา และอยากจะปรับปรุงให้ดีขึ้น ก็ให้คิดหาวิธีการที่จะแก้ปัญหาต่อ เช่น ถ้าขี้เกียจเกินไป ถามตัวเองให้ลึกกว่าเดิม ขี้เกียจเรื่องอะไร แล้วเราจะหาวิธีการแก้ไขสิ่งกวนใจนั้นได้ ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาจะเป็นรูปแบบเฉพาะที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลแตกต่างไป
3.เต็มใจจะแก้ไขจริงหรือไม่
ข้อนี้สำคัญมากค่ะ เพราะถ้าเราไม่ได้มีความเต็มใจที่จะแก้ไขสิ่งนั้นจริงๆ เราจะไม่มีทางลงมือทำ หรือถ้าทำก็มีโอกาสสูงที่จะล้มเลิกไปกลางทาง ต้องถามตัวเองให้ดีเลยค่ะว่าเรื่องที่กวนใจเรานั้น ต่อให้เราหาวิธีการแก้ไขได้แล้ว ตัวเราก็ต้องยินดีและเต็มใจที่จะลงมือแก้ไขปรับปรุงจริงๆ ถ้าคำตอบคือ เต็มใจ เราจะลงมือทำกับมันอย่างเอาจริงแน่อนค่ะ
4.ให้รางวัลตัวเอง
ใครๆต่างก็ชื่นชอบการได้รับรางวัลหรือคำชมใช่มั้ยคะ ถ้าเราเต็มใจแก้ปัญหานั้นและลงมือทำแล้ว หากเราเปรียบเทียบได้ว่า สิ่งที่เราทำในวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน แม้เพียงเล็กน้อย อย่าลืมมอบรางวัลหรือคำชมให้ตัวเองด้วยนะคะ เพื่อเป็นกำลังใจให้วันต่อๆไป เราจะได้ทำให้ดีขึ้นอีกค่ะ
การเปรียบเทียบตัวเราในวันนี้ที่จะต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน ก็เพื่อที่เราจะได้เติบโตในเส้นทางของเราเอง ว่าเราได้เดินมาไกลแค่ไหน เราก้าวหน้าและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเพียงใด เอาชนะใจตัวเอง ควบคุมตัวเองให้ได้ สิ่งเหล่านี้ช่วงแรกๆที่ทำ อาจจะยังไม่เห็นความแตกต่างอะไรมากมายนัก แต่ขอให้สะสมการลงมือทำไปเรื่อยๆ แม้เพียงวันละเล็กวันละน้อย วันหนึ่งเราจะกลับมาขอบคุณตัวเองที่ได้เริ่มทำสิ่งดีๆให้ตัวเองทุกวันๆ และโลกใบนี้ก็ได้คนที่รับผิดชอบต่อชีวิตตนเองได้เป็นอย่างดีเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนด้วยค่ะ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณผู้อ่านจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ
ด้วยรัก…ม้าน้ำ