UVA UVB UVC ต่างกันอย่างไร
เคยสงสัยกันไหมคะว่ารังสียูวีนั้นมีกี่ชนิด แล้วมันส่งผลกระทบกับผิวคุณอย่างไรบ้าง วันนี้ใน ฟรายเดย์ โฟลว เราจะพาคุณไปคลายข้อสงสัยกันค่ะ
สาวๆ หนุ่มๆ หลายคนคงจะกลัวแดดกันใช่ไหมคะ เพราะเวลาเราตากแดดนานๆ ทำให้สีผิวของเราหมองคล้ำขึ้น แต่คุณรู้ไหมว่าแสงแดดนั้นมีประโยชน์กับร่างกายของเรานะ เพราะมันจะช่วยให้ร่างกายเราเปลี่ยนเจ้าตัวคอเลสเตอรอล (7-Dehydrocholesterol) ในผิวหนังให้กลายเป็นวิตามินดี (Vitamin D) ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
แต่วันนี้เราจะไม่พูดถึงวิตามินดีแบบเจาะลึก เราจะไปเจาะลึกกันในบทความอื่น แต่เราจะมาทำความรู้จักกับรังสีอัลตราไวโอเลต (รังสีเหนือม่วง) หรือที่เรารู้จักกันดีว่าแสงยูวีหรือรังสียูวีนั่นเอง ว่ามีกี่ชนิด แล้วแต่ละชนิดนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร มีผลกระทบและประโยชน์ต่อผิวของเราอย่างไรบ้าง
ก่อนจะเข้าเรื่อง ลองมาทายกันดูซิคะว่า
รังสียูวีชนิดไหนทำให้ผิวเราหมองคล้ำ?
ก. UVA
ข. UVB
ค. UVC
ดูเฉลยได้ในบทความและท้ายบทความนี้นะคะ
ถ้าพร้อมแล้ว เรามาทำความรู้จักรังสียูวีกันเลยค่ะ
รังสียูวี คืออะไร
รังสีอัลตราไวโอเลต หรือ ที่รู้จักกันดีว่า รังสียูวี (Ultraviolet) มีแหล่งกำเนิดหลักมาจากแสงอาทิตย์ เป็นพลังงานรูปแบบหนึ่งซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เดินทางผ่านตัวกลางในรูปของคลื่น โดยมีความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 40-400 นาโนเมตร หรืออาจเกิดจากอุปกรณ์ที่ปล่อยรังสียูวีออกมา เช่น หลอดแบล็คไลท์ (Black Lights) เครื่องทำผิวแทน (Tanning Booth) รวมถึงหลอดไฟชนิดต่าง ๆ
รังสีอัลตราไวโอเลต ประกอบด้วย 3 ชนิดความยาวคลื่น คือ ยูวีเอ, ยูวีบี และ ยูวีซี
ความแตกต่างของรังสียูวีชนิดต่างๆ
ชนิดที่หนึ่ง
ยูวีเอ (UVA) หรือ Long wave UVR หรือ แบล็กไลต์ (Black light)
มีความยาวคลื่น 315 – 400 mm มีระดับพลังงาน 3.10 – 3.94 ev
รังสีอัลตราไวโอเลตเอ (UVA) จะเป็นรังสีที่มีความยาวคลื่นมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับ UVB และ UVC และเป็นรังสีที่สามารถเข้าสู่ผิวหนังชั้นลึกสุดและถูกดูดซับไว้ ทำให้ผิวแลดูเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย จุดด่างดำและเสื่อมเร็ว
รังสียูวีเอจะมีตลอดทั้งปีและทุกฤดูกาล แม้แต่วันที่ไม่มีแสงแดดก็ตามและรังสีชนิดนี้ยังสามารถทะลุกระจกได้
ชนิดที่สอง
ยูวีบี (UVB) หรือ Middle UVR หรือ Sunburn radiation
มีความยาวคลื่น 280 – 315 nm มีระดับพลังงาน 3.94 – 4.43 ev
รังสีอัลตราไวโอเลตบี (UVB) จะเป็นรังสีที่มีความยาวคลื่นรองลงมาจาก UVA แต่มีพลังงานมากกว่า ซึ่งรังสีชนิดนี้ไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นลึกสุด แต่จะสามารถเจาะเข้าชั้นที่ลึกที่สุดของเซลล์ผิวหนังชั้นนอก ทำให้เกิดผิวไหม้ หมองคล้ำอย่างเฉียบพลัน รังสี UVB จะกระตุ้นการผลิตเมลานินใหม่ ที่มีสีน้ำตาลดำติดทนนาน และกระตุ้นการผลิตเซลล์ผิวหนังชั้นนอกที่หนาขึ้น จนถึงระดับรุนแรงที่ DNA อาจถูกแปลงสภาพและก่อให้เกิดเป็นเซลล์มะเร็งขึ้นได้
ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมคะว่า แสงยูวีบี คือตัวที่ทำให้ผิวเราหมองคล้ำ
เรามาดูรังสียูวีชนิดสุดท้ายกันต่อเลยค่ะ
ชนิดที่สาม
ยูวีซี (UVC) หรือ Short wave UVR หรือ Germicidal radiation
มีความยาวคลื่น 100 – 280 nm มีระดับพลังงาน 4.43 – 12.4 ev
รังสีอัลตราไวโอเลตซี (UVC) จะเป็นรังสีที่มีความยาวคลื่นสั้นที่สุดเมื่อเทียบกับ UVA และ UVB แต่จะมีพลังงานมากที่สุดในบรรดารังสียูวีทั้ง 3 ชนิด แต่รังสียูวีซีนั้นจะถูกดูดซับอยู่ในชั้นโอโซนและไม่สามารถผ่านลงมายังพื้นผิวของโลกจึงไม่สามารถซึมผ่านเข้ามาและก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังได้
ตอนนี้รู้ถึงความแตกกต่างของรังสีอัลตราไวโอเลตทั้งสามชนิดกันแล้วใช่มั้ยคะ ต่อไปเรามาดูวิธีการปกป้องผิวของเราจากรังสียูวีกันค่ะ
การปกป้องผิวจากรังสียูวี
วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยปกป้องผิวคุณจากรังสียูวี คือ พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดในช่วงเวลา 9 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น โดยเฉพาะเวลาเที่ยงเพราะจะเป็นช่วงเวลาที่รังสี UVB มีปริมาณมากที่สุด
บางท่านอาจคิดว่าการหลบแดดในที่ร่มอาจจะช่วยป้องกันรังสียูวีได้ แต่จริงๆ แล้วรังสียูวีสามารถสะท้อนออกมาจากพื้นคอนกรีตม พื้นน้ำ พื้นทราย แม้กระทั่งพื้นหิมะ
ทางที่ดีที่สุดที่คุณควรทำก็คือการทาครีมกันแดดที่มีค่า SFP ที่เหมาะสมกับกิจกรรมที่คุณทำอย่างน้อย 30 นาทีก่อนการออกแดด และทาซ้ำทุกๆ สองชั่วโมง การใส่แว่นกันแดดก็สามารถช่วยป้องกันตาและจอประสาทตาของเราไม่ให้ได้รับผลกระทบและเกิดความเสียหายจากแสงยูวีได้เช่นกันค่ะ
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านและสามารถไขข้อข้องใจเกี่ยวกับความแตกต่างของแสงยูวีแต่ละประเภทได้นะคะ
ก่อนจะจากกันในวันนี้ เรามาทบทวนความรู้กันหน่อยค่ะว่า รังสีอัลตราไวโอเลตเอ บีหรือซี ที่ทำให้ผิวเราหมองคล้ำ
คำตอบที่ถูกต้องก็คือ รังสีอัลตราไวโอเลตบี ค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า
สวัสดีค่ะ
xo,
มอลล์ลี่
สุกฤตา ลาร์เซ่นท์
แหล่งที่มา
Alexander, H. (2019, June 19). What’s the difference between UVA and UVB rays? MD Anderson Cancer Center. https://www.mdanderson.org/publications/focused-on-health/what-s-the-difference-between-uva-and-uvb-rays-.h15-1592991.html
Bello, S. (2016, July 21). UVA vs. UVB Radiation – What You Need to Know. Sungrubbies. https://www.sungrubbies.com/blogs/news-articles/uva-uvb-radiation
Center for Devices and Radiological Health. (2020, August 19). Ultraviolet (UV) Radiation. U.S. Food and Drug Administration. https://www.fda.gov/radiation-emitting-products/tanning/ultraviolet-uv-radiation
Paveena, F. (2017, October 14). รังสีอัลตราไวโอเลต ประโยชน์และโทษต่อร่างกาย. Pobpad. https://www.pobpad.com/