เรื่องเล่าของเจ้าโชคดี ตอนที่ 1
ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นก่อนเลยค่ะว่า เราคือคนที่ไม่เคยคิดจะเลี้ยงสัตว์ใดๆ เลย นอกจากเลี้ยงปลา ด้วยเราเป็นคนชอบนั่งมองปลาว่ายน้ำ ชอบให้อาหารปลา มันเพลินดี จนเมื่อ 2เดือนก่อน ได้รู้จักกับแมวจรตัวหนึ่ง ทำให้เรามาเขียนเรื่องราวเป็นบันทึกให้ได้อ่านกันเพลินๆนะคะ
ช่วงประมาณวันที่ 20-25 เมษายน 64 วันที่อาจจะไม่แม่นนัก สามีเรา ที่จะออกกำลังกายอยู่ที่บ้านช่วงค่ำหลังเลิกงาน เค้าได้สังเกตว่า มีแมวไทยสีดำ หางกุด ตัวหนึ่ง มานั่งมองตอนเค้าออกกำลังกายหลายวันแล้ว (ห้องฟิตเนสที่บ้านเป็นห้องกระจกใส มองจากข้างนอกได้) วันนั้นสามีเรียกให้เรามาดูแมวตัวนี้
เราเองเคยเห็นเดินไปเดินมา ในซอยบ้านเราประจำ แต่เราก็ไม่รู้ว่าแมวบ้านไหน สามีพูดขึ้นว่า รู้สึกถูกชะตากับแมวตัวนี้จังเลย เราตกใจพอสมควร เพราะสามีไม่ชอบแมวเลย (เคยถามว่า ทำไมไม่ชอบ เค้าบอกว่า เค้าก็ไม่มีเหตุผล เค้าบอกแค่ว่า พอเห็นแมว รู้สึกไม่น่ารักเหมือนกับหมา เราก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรมากนัก เพราะความรู้สึกไม่ชอบ ก็คือไม่ชอบ แต่ส่วนตัวของเรา จะแมวหรือหมาเราก็เฉยๆ ไม่ได้อินอะไรขนาดนั้น)
เราทั้งสองคน เดากันเองว่า แมวตัวนี้ คงจะหิว เลยลองไปดูที่ตู้เย็น มีลูกชิ้นปลาอยู่เลยเอามาอุ่น ปรากฎว่า แมวตัวนี้กินเรียบเลย แสดงว่า หิวจริงๆ เราเห็นว่า แมวไม่มีปลอกคอ คิดว่าน่าจะเป็นแมวจรแน่ๆ เลย ด้วยความสงสาร จากท่าทางการกินที่ดูหิวโซ และยังดูระแวง ดูตื่นกลัวตลอดเวลา เราทั้งคู่คิดตรงกันว่า ถ้าแมวตัวนี้มาบ้านเราอีก เราจะเอาอาหารให้มันกิน พร้อมกันนั้น เราก็นึกอยากตั้งชื่อให้แมวตัวนี้
ทันทีที่เรานึกชื่อได้ เราก็พูดกับแมวตัวนี้ว่า “นี่…แกนี่โชคดีจริงๆ นะ ปกติสามีฉันไม่ชอบแมวนะจะบอกให้ มีบุญจริงๆ เลยแกเนี่ยะ ชื่อ โชคดี ไปละกันนะ ” ชื่อที่ให้ความหมายตามความรู้สึกของเราว่าแมวตัวนี้ โชคดีที่สามีเราถูกชะตา
วันรุ่งขึ้น เราไปร้านขายอาหารสัตว์ ไปซื้ออาหารเม็ด กับขนมเลีย ตามคำแนะนำของร้าน เราไม่เคยเลี้ยงแมว ไม่รู้เลยว่า ต้องทำยังไง ก็เลยนึกแค่เรื่องอาหาร เพราะจริงๆ ก็ตั้งใจเพียงแค่ว่า ซื้ออาหารมาติดบ้านไว้ ถ้าโชคดีมา ก็เอาอาหารให้เค้ากิน
ตกเย็น เวลาเดิม คือช่วงที่สามีออกกำลังกาย เจ้าโชคดีเดินมาจริงๆ มามองตาปริบๆ เราก็เอาอาหารให้ ทั้งเราและโชคดี ต่างฝ่ายต่างก็กล้าๆกลัวๆ เรากลัวโดนข่วนโดนตะปบ โชคดีก็คงกลัวเราทำร้าย เราเว้นระยะห่าง ตามมาตรการโควิด19 แบบนั้นเลย
เรากับสามี เข้ามานั่งดูโชคดีกินอาหารจากด้านใน มองแมวกินอาหาร ก็เพลินไปอีกแบบ ปกติมองแต่ปลา
ในคืนนั้น เรากำลังจะปิดบ้าน ได้ยินเพื่อนบ้าน กำลังพูดถึงโชคดีพอดี เราได้ยินว่า โชคดี เป็นแมวจรเพศเมีย เป็นแมวแม่ลูกอ่อน เพิ่งคลอดลูกมา นี่คือข้อมูลที่เรารู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโชคดี ที่เค้าพูดถึงโชคดี เพราะ โชคดีกำลังเดินจากบ้านนั้นกำลังจะไปอีกบ้านหนึ่ง ทำให้เราเห็นว่า คนในซอย เมตตาโชคดีกัน ไม่ใช่แค่บ้านเรา เราก็แอบดีใจกับโชคดีนะ ถึงว่าล่ะ เดินเข้าได้ทุกบ้านเลย 555+
โชคดีก็เทียวมากินมื้อเย็นที่บ้านเราแทบทุกวัน บางทีก็หายไป 2-3วัน บางทีก็มาติดกันทุกวัน พอเห็นกันทุกวัน วันไหนไม่มา ทั้งเราและสามีจะเริ่มมองหา เอ๊ะ นี่เราเริ่มติดใจโชคดีกันแล้วรึเปล่า
สิ่งหนึ่งที่เราและสามีชอบใจในตัวโชคดีมาก ตั้งแต่รู้จักกันคือ โชคดี มีมารยาทมากๆ ไม่เคยปีนรถ ไม่เคยทำความเสียหายใดๆ ให้บ้านเรา ที่รู้สึกแบบนั้น เพราะบ้านเราเคยเจอแมวมาปีนรถ ข่วนรถเป็นรอยเลย โชคดีจะมีลักษณะเป็นแมวที่เรียบร้อยมากๆ บางวันช่วงกลางวัน เราจะเห็นโชคดี นอนซุกตัวที่บ้านเพื่อนบ้านข้างๆเราบ้าง บ้านตรงข้ามบ้าง
ผ่านไป 2 สัปดาห์ที่ได้ให้อาหารกันตรงหน้าห้องฟิตเนส เราเริ่มคิดอยากขยับให้โชคดี มากินด้านใน เผื่อฝนตกอย่างน้อยจะได้นึกถึงบ้านเรา มาหลบฝนที่บ้านเราได้ เราทั้งคู่ยินดี เราเริ่มจากขยับจานมาไว้ปากประตู และเขยิบเข้ามาด้านในขึ้นเรื่อยๆ แต่ทั้งหมดก็อยู่ในบริเวณห้องฟิตเนส
ปกติเวลาโชคดีมากินอาหารบ้านเราเสร็จ เค้าก็จะไป ซึ่งไปไหนก็ไม่รู้ แต่มีอยู่วันหนึ่ง เมื่อโชคดี กินอาหารเสร็จ เค้าไม่ไป แต่กลับเดินไปนอนซุกตัวอยู่ในมุมห้องฟิตเนส เรากับสามีก็สงสัยว่า อยากนอนที่นี่รึเปล่า เลยลองพูดคุยกับโชคดี ” หนูอยากนอนที่นี่หรอ นอนได้นะเอามั้ย” โชคดี ส่งเสียงแมวร้องกลับมา เราทั้งคู่หัวเราะชอบใจ เดากันเอง ว่าโชคดีคงจะพูดอะไรบางอย่าง ที่น่าจะแปลว่า อยากนอนที่นี่ นั่นเป็นคืนแรกที่โชคดีได้นอนที่ห้องฟิตเนสที่บ้านเรา
คืนนั้น เราทั้งคู่แอบลงมาดูหลายรอบเลย กลัวเค้าจะอยากออกไปข้างนอก เพราะเคยได้ยินว่า กลางคืนแมวจะชอบออกล่าเหยื่อ กลัวเค้าพังประตูกระจก เพราะเค้าอาจจะอยากกลับไปหาลูกก็ได้ กลัวหลายๆ อย่างผสมๆ กันไป แต่สิ่งที่เห็นคือ ไม่ว่าจะแอบลงมาดูกี่รอบ โชคดีก็นอนเฉยๆ ไม่ได้ขยับตัวเดินไปมาใดๆ ในห้องฟิตเนส สุดท้ายเราทั้งสองก็ตัดสินใจนอนจริงๆ ด้วยความสบายใจว่าโชคดี ไม่ร้องงอแงแน่แล้ว
วันรุ่งขึ้น พอเราทั้งคู่ลงมา ได้พบว่า โชคดี มารอที่ประตูทางเข้า ระหว่างห้องฟิตเนสกับตัวบ้าน พอเปิดประตู ร้องส่งเสียง แอ๊ว…แอ๊ว…. นี่คือเสียงที่เราได้ยิน ไม่ใช่เหมียวๆ นะ 555+ พอเราเปิดประตูห้องฟิตเนสเท่านั้นแหละ โชคดี วิ่งไปอย่างไว ซึ่งไปไหนก็ไม่รู้เช่นเคย เวลาผ่านไป โชคดีมากินอาหารทุกค่ำสม่ำเสมอ แต่จะมานอนที่บ้านเราบ้างบางคืน
ชอบเวลาที่ โชคดีมาที่บ้าน มีกิจกรรมช่วงค่ำ หลังมื้ออาหาร คือเล่นกับโชคดี แต่เดี๋ยวค่ะ เล่นในที่นี้คือ เล่นกันแบบ social distancing นะคะ เราพยามยามจะเอามือไปใกล้โชคดี แต่เค้าไม่ให้เราเข้าใกล้เลย เล่นกันห่างๆ เราคุยอะไรไป เค้าจะส่งเสียง แอ๊ว…แอ๊ว..กลับมา ให้เราสองสามีภรรยา ตีความกันเอง
สามีเรา จากคนที่ไม่เคยชอบแมว อยู่ๆ กลายเป็นคนที่มาตรียมอาหารให้โชคดี ผลัดกันกับเราทุกวันๆ มานั่งคุยกับโชคดีด้วยกันทุกวัน รู้ตัวอีกที โดนเจ้าโชคดี ตกไปเรียบร้อย
สิ่งที่เราได้รับจากการรู้จัก เจ้าโชคดี แมวจรตัวนี้ คือ
1. เราทั้งคู่ มีเมตตาต่อสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของมากขึ้น อยากจะแบ่งปัน น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ให้เค้าบ้าง เพราะเค้าเอง ไม่มีบ้าน ไม่ได้รับความอบอุ่นเท่ากับสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของ
2. เราทั้งคู่ อ่อนโยนขึ้น เพราะเราไม่ได้ใช้เสียงปกติเวลาคุยกับโชคดีเลย ใช้เสียงสองตลอด เป็นไปกับเวลาเจอแมวจร หรือหมาจรอื่นๆ ด้วย ทั้งที่เราไม่เคยเป็นกัน
3. เราทั้งคู่ รู้จักความรักในอีกรูปแบบ สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่แม้ไม่ใช่มนุษย์แบบเรา เค้าก็มีหัวใจ มีความรู้สึก แววตาที่โชคดีมองมา เรารับรู้ได้ว่า เค้ารู้สึกดีและขอบคุณเราทั้งคู่
4. ข้อนี้ เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะคะ โปรดใช้วิจารณญาณด้วยค่ะ ตั้งแต่รู้จักโชคดีมา บ้านของเรามีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาตลอดเลยค่ะ ญาติเราบอกว่า แมวมาหา หมามาสู่ เป็นเรื่องที่ดี บ้านนั้นจะมีโชคลาภ ซึ่งเราสัมผัสได้ว่า เป็นความจริงทุกประการเลยค่ะ
เรื่องเล่า เจ้าโชคดี ยังไม่จบ เราจะมาเล่าต่อให้ตอนหน้าค่ะ ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามอ่าน หวังว่าจะเพลิดเพลิน และได้รับอะไรดีๆ กลับไปบ้างนะคะ
ด้วยรัก…ม้าน้ำ