เรื่องเล่า ของเจ้าโชคดี ตอนที่ 2
จากที่เล่าไปในครั้งก่อนว่า โชคดีจะมากินอาหารทุกวัน แต่จะมานอนบางวัน ช่วงหลัง โชคดีมานอนบ้านเราแบบถี่ๆ โดยอยู่บ้านเราแทบ 24 ชั่วโมง จะมีแค่ช่วงเช้าที่เค้าร้องแอ๊วๆ..ขอให้เราเปิดประตูห้องฟิตเนสให้ ซึ่งเราก็เดาไม่ยาก โชคดี น่าจะไปขับถ่าย
ใช่ค่ะ เราไม่มีอุปกรณ์ขับถ่ายให้โชคดีไว้เลย มีแต่เรื่องอาหาร กับ นอน หลังจากเค้าหายไปไม่เกิน 15-20 นาที เค้าก็จะกลับมาอยู่กับเรายาวๆ เลย เราเองทำงานที่บ้าน เราจึงอยู่กับโชคดีตลอดเวลา ทำให้เราเห็นพฤติกรรมช่วงกลางวันของโชคดี คือ นอน นอน นอน แล้วก็นอน ตื่นอีกที ตอนสามีเรากลับบ้าน
หลังจากมาอยู่บ้านเราบ่อยๆ ก็มีเรื่องน่าประทับใจเกิดขึ้นอีกแล้ว มีอยู่วันหนึ่ง โชคดี ขึ้นมานอนบนตักเรา เราดีใจมากกกกกกก ก.ไก่ล้านตัว เพราะไม่คิดว่าเค้าจะทำ เนื่องจากว่า เราได้แค่ลูบหัวเค้า เคยลองจะเกาคาง แบบที่ใครๆ บอกกันว่า แมวชอบให้เกาคาง เค้าหันมาขู่ การลูบหัว นั่นจึงเป็นความใกล้ชิดที่สุด ที่โชคดียอม
พอเค้าขึ้นมานั่งตัก เราทำตัวไม่ถูกเหมือนกันนะ จั๊กกะจี๋ด้วยค่ะ เราลูบหัวเค้าและลูบไปถึงลำตัวได้ด้วย โชคดียอม และหลับตาพริ้ม นี่เค้าคงไว้ใจเรามากขึ้นแล้วสินะ วันนั้นเรานั่งกับเค้านานมากกว่าทุกวัน สามีเราก็อ้อนให้โชคดีมานั่งตักบ้าง แต่เค้ายังไม่ทำ จากนั้นมา ทุกค่ำโชคดีจะขึ้นมานอนตักเราทุกวันๆ เราเลยลองอุ้มเค้า ปรากฎว่า วิ่งลงจากตักเราทันที และไปซุกตัวอีกมุม เราเลยต้องทำความเข้าใจใหม่ว่า การที่โชคดีมานอนตัก ไม่ได้แปลว่า เราจะอุ้มหรือจะทำอะไรกับเค้าก็ได้ เค้าไม่ยอมง่ายๆนะ
หลังจากที่โชคดีนอนตักเราได้ไม่กี่วัน โชคดีก็ไปนอนตักสามีเราบ้าง สามีเราชอบใจใหญ่ ยิ้มกว้างเลย เราเล่นกันทุกวันๆ พอเราเรียกโชคดี เค้าก็จะมานอนตักเรา พอสามีเรียก เค้าก็จะไปนอนตักสามี เรารู้สึกได้ว่า โชคดีมีความเป็นสายเอ็นเตอร์เทนอยู่ในตัว 555+ เราสองคนเริ่มคุยกันจริงจังว่าจะเลี้ยงโชคดี แบบสัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของกันเลยดีหรือไม่
ในความตั้งใจ คือ ถ้าจะเลี้ยง เราเลี้ยงระบบปิดแน่ๆ คงไม่ได้ให้เค้าออกไปข้างนอกอีกแล้ว แต่ก็กลัวว่าถ้าเราจะต้องให้เค้าอยู่แต่ในบ้าน จะเป็นการทรมานโชคดีรึเปล่า เพราะชีวิตแมวจร เค้าไม่เคยถูกกักขัง กลัวว่าสุดท้ายเค้าจะหนีเราไป ใจเลยกล้าๆ กลัวๆ ว่า จะเลี้ยงจริงๆ เลยดีหรือไม่ ยังไม่ทัน ได้ข้อสรุปว่าจะทำอย่างไร วันถัดมา คนสวนของหมู่บ้าน เห็นเรายืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน เดินมาถามเราว่า เคยเห็นแมวมาปล่อยอุนจิไว้ที่บ้านหลังที่โครงการรอขายหรือไม่ และก็ชี้ไปบ้านหลังที่อยู่เยื้องจากเราไป 2หลัง เราเดาได้ทันทีว่า เป็นโชคดีแน่นอน
ซอยบ้านเรา มีสัตว์เลี้ยงอยู่ไม่กี่หลัง และเค้าก็แทบจะไม่ปล่อยสัตว์เลี้ยงเค้าออกมานอกบ้านกัน เราเลยเล่าเรื่องโชคดี ให้พี่คนสวนคนนั้นฟังไป เราขอโทษเค้าและรับปาก จากนี้โชคดี จะไม่ไปถ่ายตรงนั้นอีกแน่นอน ต้องขอบคุณที่มีเหตุการณ์นี้ ทำให้เราตัดสินใจกันได้ทันทีว่า ” เจ้าโชคดี หนูต้องเป็นลูกสาวบ้านนี้ 100%แล้วล่ะลูก”
เราขับรถไปที่ร้านขายอาหารสัตว์ทันที เพื่อไปซื้อกระบะทราย ทรายแมว โดยปรึกษาวิธีการใช้งานกับคนขายเช่นเคย กลับถึงบ้านเราก็จัดเตรียมมุมขับถ่ายให้โชคดี และคุยกับเค้าว่า ” จากนี้ หนูคือ ลูกสาวของคุณพ่อคุณแม่ สมบูรณ์แบบแล้วนะลูก หนูจะไม่ได้ออกไปข้างนอกแล้วนะ ถ้าปวดอึ ปวดฉี่ เข้าตรงนี้นะคะ” พรางชี้ไปจุดที่วางกระบะทรายให้โชคดีดู โดยที่ไม่แน่ใจว่า เค้าเข้าใจเราหรือไม่
เช้าวันรุ่งขึ้น โชคดี ร้องจะออกข้างนอกเหมือนเดิม เราบอกเค้าว่าจะถ่ายก็ตรงนี้ แต่เค้าร้องหนักขึ้นๆ สุดท้ายเราเลยปล่อยให้เค้าไป และเราก็ตามไปเก็บอึเค้ากลับมา ตามคำแนะนำว่า ถ้าเค้าไม่ยอมเข้ากระบะทราย ให้เราไปเก็บอึแล้วเอาใส่กระบะทราย เค้าจะได้จำกลิ่นได้ เราก็ตักอึมาทั้งหมด แต่เอามาบางส่วนมาใส่กระบะทราย ตักไปก็จะอาเจียนไป น้ำตาไหล มันเหม็นค่ะ 555+
เราคุยกับโชคดีอีกครั้งว่า กระบะทรายคืออะไร โชคดีเดินมาดมๆ เราเริ่มมั่นใจทันทีว่า เค้าเข้าใจแล้วแน่ๆ ช่วงสายๆ วันนั้น โชคดีเข้าใช้งาน กระบะทรายครั้งแรก โดยไปฉี่ เราและสามีดีใจมากๆๆ ดีใจที่โชคดีเข้าใจที่เราบอก เพราะเรากังวลมากๆ ถ้าเค้าไม่เข้าห้องน้ำแมวที่บ้านเค้าจะอั้นจนเค้าเองทรมาน โล่งใจไป หนึ่งเปราะค่ะ แต่ก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้
วันรุ่งขึ้น เราลุ้นอย่างหนักยิ่งกว่าลุ้นหวย ว่าโชคดีจะไปอึที่กระบะทราย เหมือนทุกๆ เช้าที่เค้าจะร้องออกไปข้างนอก แต่ไม่เลยค่ะ ผ่านไป 3วันเต็มๆ กว่าโชคดี จะยอมอึ เราคิดว่าความที่โชคดี ไม่เคยใช้กระบะทราย เค้าคงไม่คุ้นชิน เลยเลือกที่จะอั้นไว้ จนวินาทีสุดท้าย วันที่โชคดีอึลงกระบะทรายวันแรก เค้าไม่กลบนะคะ แต่เราไม่ซีเรียสเลย เพราะเราตั้งใจไว้แล้วว่า เราจะเก็บทันทีที่เห็นว่า มีฉี่หรืออึลงไปในกระบะทราย
วันถัดๆมา เค้าก็ไม่กลบตามเคย ซึ่งอาจจะผิดปกติจากแมวตัวอื่นที่จะกลบฉี่หรืออึของตัวเอง แต่สำหรับแม่แมวมือใหม่อย่างเรา แค่ลูกสาวเข้ากระบะทรายได้ขนาดนี้ เราก็มีความสุขมากแล้วจริงๆ ค่ะ เค้าไม่ปล่อยเรี่ยราดตามพื้น นั่นคือ The Best แล้ว
ทั้งเราและโชคดี ต่างก็ใหม่กับกระบะทรายทั้งคู่ ค่อยๆ เรียนรู้กันไป ทุกครั้งๆ ที่เราไปเก็บอึ หรือฉี่โชคดี เราจะพูดชมเค้าตลอดว่า “ลูกแม่เก่งมากๆ เลย หนูเยี่ยมมากๆ ลูก” เราชมเค้าเพื่อให้เค้ารู้ว่า เค้าทำถูกแล้ว ที่ถ่ายในกระบะทราย มนุษย์เรายังชื่นชอบคำชม เจ้าแมวน้อยก็คงรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกันเนอะ ^^
เราและสามีเริ่มศึกษาเรื่องที่จะต้องพาเค้าไปหาหมอ ฉีดวัคซีน อาบน้ำ และอื่นๆ อีกมากมายที่แมวเลี้ยงต้องทำ ติดเรื่องเดียวคือ เราอุ้มเค้าไม่ได้ เค้าไม่ยอมนี่แหละ สามีสั่งซื้อกรงแมว เพื่อจะได้ใส่เค้าเวลาไปหาหมอ เราทั้งคู่ต่างก็ซื้อของที่เกี่ยวกับแมวกันไว้เยอะเลย เหมือนพ่อแม่มือใหม่ยังไงยังงั้นค่ะ
มีอยู่วันหนึ่งขณะโชคดี เลียขน สามีเราบอกว่า เค้าเห็น ช้างน้อยโชคดี เราก็งงว่าจะใช่ได้ยังไง ในเมื่อคนแถวบ้านบอกว่า โชคดีเป็นผู้หญิง สามีเราคงตาฝาดไป แต่เราก็มาเห็นว่าตรงแถวๆก้นของโชคดี มีไหมที่ยังไม่ตัด แต่เราเดาว่า น่าจะเป็นแผลคลอดลูก แต่สามีเรามั่นใจมาก ว่าโชคดีไม่ใช่ผู้หญิง ตอนนั้นเราเริ่มสับสน จะเรียกโชคดียังไงดี เรียกลูกสาวสุดสวยของคุณแม่มาตลอด555+ ของใช้ที่ซื้อให้โชคดีก็มีแต่สีชมพู เอาเป็นว่า ทุกอย่างจะชัดเจนเมื่อโชคดีได้ไปหาหมอ
หลังจากโชคดีอยู่บ้านเราแบบระบบปิด 100% ได้ 3-4วัน เพื่อเสริมความมั่นใจอีกขั้น ว่าโชคดีไม่มีเจ้าของจริงๆ เราส่งรูปโชคดี เข้าไปในกลุ่มของหมู่บ้าน เพื่อถามหาเจ้าของ มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งตอบยืนยันว่า โชคดีเป็นแมวจรชัวร์ แถมเป็นขาใหญ่ ประจำหมู่บ้านด้วย เคยทำแมวบ้านพี่เค้า กระเจิดกระเจิงมาแล้วด้วย พร้อมทั้งขอบคุณที่บ้านเรารับโชคดีไว้ในอุปการะ ประมาณว่า น้องจะได้ไม่ต้องไปซ่าที่ไหนได้อีก 5555+
เรากับสามีได้อ่านข้อความก็หัวเราะลั่น ว่าเจ้าแมวตะมุตะมิของเราตัวนี้ เป็นขาใหญ่ประจำหมู่บ้านได้ยังไง แสนจะเรียบร้อย ดูขี้กลัว และไม่สู้ใครซะขนาดนี้ หัวเราะพรางลูบหัวโชคดี “ตกลงหนูเป็นผู้ชายหรอลูก เป็นขาใหญ่ซะด้วย นักเลงจริงๆ เจ้าตะมุตะมิของคุณแม่” ตั้งแต่ที่กรงชมพูส่งถึงบ้าน เราจะลูบหัวและพูดกับโชคดี อยู่เป็นประจำเพื่อให้เข้ารับทราบและปฏิบัติตามว่า “โชคดี เราจะไปหาป้าหมอกันนะ ไปฉีดวัคซีน และไปอาบน้ำทำสปาสวยๆ กันนะลูก หนูพร้อมเมื่อไหร่ เดินเข้าบ้านชมพู แล้วคุณพ่อคุณแม่จะพาไปหาป้าหมอนะคะลูก”
เราเชื่อมาตลอดค่ะว่า โชคดีเข้าใจในสิ่งที่เราพูดกับเค้า เพราะเราอุ้มเค้าไม่ได้ ต้องรอให้เค้าพร้อมด้วยตัวเค้าเอง เราถึงจะพาโชคดีไปหาหมอได้ และวันนั้นก็มาถึง วันที่โชคดี เดินเข้าไปในกรงสีชมพูและไปนั่งอยู่ในนั้น เรารีบไปเตรียมขนมเลีย และสามีทำหน้าที่ปิดกรง ระหว่างขึ้นรถ โชคดีร้องเสียงหลงแบบที่เราไม่เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน
สามีที่ขับรถไปด้วยคุยกับโชคดีไปด้วย เราเองที่มานั่งข้างๆโชคดี ก็คอยคุยปลอบใจเค้าตลอดทาง โรงพยาบาลสัตว์อยู่ห่างจากบ้านเราแค่ไม่ถึง 2กม.คือขับมา อึดใจเดียวก็ถึง แต่มันคงยาวนานมากสำหรับโชคดี พอโชคดีลงรถ กรงเปิดออก พยาบาล ตะครุบตัวโชคดีไว้ด้วยความเร็วแสง และอุ้มขึ้นมาแบบง่ายๆ (เราอึ้งอยู่นะคะ ทำไมเค้าทำง่ายจัง555+) แต่โชคดีดิ้นหนักมากๆ ใช้หมอและพยาบาลรวม 4คน ในการดูแลโชคดี
คุณหมอขอทำการตรวจเลือดก่อนในอันดับแรก ยังไม่ให้ฉีดวัคซีนใดๆ อาบน้ำก็ยังไม่ได้ คุณหมอทำการตรวจร่างกายโชคดี โดยมีคุณพ่อคุณแม่อย่างเรา ยืนดูอยู่ไม่ห่าง ได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า
1.โชคดีมีอาการ ปากอักเสบ หมอได้ฉีดยาแก้อักเสบและฉีดยาคุมการติดเชื้อให้ (ข้อนี้ทำเราทั้งคู่อึ้งมากๆๆ ขนาดโชคดีปากเจ็บ ยังกินเก่งขนาดนี้ ถ้าปากหายดีลูกแม่จะกินขนาดไหน)
2.โชคดี เป็นผู้ชาย (จริงอย่างที่สามีเราเคยเห็นช้างน้อย และเคยทำหมันมาแล้วด้วย ไหมที่เราเห็นคือไหมจากการทำหมัน ไม่ถูกตัดออก)
3.โชคดี มีอายุประมาณ 3 ปี อยู่ในวัยกลางแมวแล้ว (เราก็รู้สึกอยู่ว่าเค้า ดูไม่ใช่แมวเด็กแล้ว ตัวเบ้อเริ่มขนาดนั้น)
4.ผิวหนังโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ปกติดี ไม่มีเชื้อรา (เราเห็นตรงศีรษะด้านหน้า ไม่มีขนดำ แต่หมอบอกปกติไม่มีอะไร)
5.โชคดีอยู่ในเกณฑ์ แมวอ้วน น้ำหนักเยอะ 5.7 กิโลกรัม (หมอบอกแมวทำหมันจะน้ำหนักขึ้น ให้เราเปลี่ยนอาหารเป็นสูตรแมวทำหมัน)
6.โชคดี มีลักษณะ เป็นแมวขี้หงุดหงิด (เราก็เห็นด้วยตรงที่ ถ้าเวลากลางวันที่เค้านอน หากเราอยากไปอยู่ใกล้ๆ เค้าจะไม่ชอบใจและทำท่าฉุนเฉียวออกมา 555+)
คุณหมอให้เราพาโชคดีกลับบ้านก่อน แล้วรอฟังผลเลือด ว่าจะรักษาหรือดูแลยังไงกันต่อ เราพาโชคดีกลับบ้าน ขากลับ ไม่ค่อยร้อง ดูจะดีใจนิดๆด้วย พอถึงบ้าน โชคดี มีอาการงอนคุณพ่อคุณแม่ อย่างเห็นได้ชัด ไปนั่งหลบมุมในโลกส่วนตัวของเค้า
ตกเย็นโรงพยาบาลโทรมาแจ้งผลเลือด ซึ่งบอกตรงๆ ว่าเราเตรียมใจไว้หลายอย่างเพราะ โชคดีเป็นแมวจรที่น่าจะเผชิญโลกมามากมาย อาจติดโรคแมวอะไรมาหลายอย่างก็เป็นได้ รุ่นพี่ที่รู้จักกันเลี้ยงแมวจร แมวเค้าก็สารพัดโรคอยู่ สรุปผลเลือดของ คุณชายโชคดี มีดังนี้ค่ะ
1.โชคดี เป็นเอดส์แมว (โรคนี้เป็นโรคยอดฮิตของแมวจร โดยเฉพาะตัวผู้)
2.โชคดี ติดเชื้อในกระแสเลือดอ่อนๆ นอกนั้นโดยรวม ยังปกติ คุณหมอให้เราหาทางพาโชคดีมาหาหมอเพื่อฉีดยารักษาตามอาการโรคต่อไป และจะได้ฉีดวัคซีนและอื่นๆ ต่อ
เราได้ความรู้ใหม่จากโรคเอดส์แมว ไม่สามารถติดกับคนได้ แต่ติดแมวด้วยกันได้แน่นอน เรารู้สึกดีมากๆ ที่เราเลือกที่จะเลี้ยงระบบปิด เพราะโชคดีจะได้ไม่ไปแพร่เชื้อให้ใครอีก และไม่รับเชื้ออื่นๆ มาเพิ่มด้วย
ไหนๆ ลูกเราก็เป็นโรคนี้แล้ว เรามาทำความรู้จักกับโรคเอดส์แมวกันค่ะ
ปัจจัยเสี่ยงของโรคเอดส์แมว ?
มักพบในแมวที่มีการเลี้ยงระบบเปิด โยเฉพาะแมวจร ซึ่งมีโอกาสไปต่อสู้ กัดกัน กับแมวอื่นๆ ได้ โดยส่วนใหญ่มักพบในแมวตัวผู้มากกว่าตัวเมีย
โรคนี้ติดต่อกันได้อย่างไร ?
ปกติแล้วเชื้อนี้สามารถพบได้ใน น้ำในไขสันหลัง เลือด หรือน้ำลาย ของแมวที่ติดเชื้อ ดังนั้นการติดต่อจึงมักจะมาจากการกัด การต่อสู้กันเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงการได้รับเลือดจากแมวที่มีเชื้อ นอกจากนี้สามารถติดต่อจากแม่สู่ลูกได้เช่นกัน
อาการของโรคเอดส์แมวเป็นอย่างไร ?
อาการโดยทั่วไปจะไม่จำเพาะ ในช่วงแรกอาจมีไข้ ซึม ไม่กินอาหารหลังจากได้รับเชื้อ จากนั้นอาการต่างๆ เหล่านั้นอาจหายไปได้เอง แต่โดยในระยะยาวแล้ว โรค FIV นี้ จะทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ ทำให้เชื้อโรคต่างๆ ฉกฉวยโอกาสติดมาได้ง่ายขึ้น ทำให้สามารถเจ็บป่วยได้ง่ายและหายได้ยาก
อีกทั้งยังสามารถพบอาการอื่นๆ ได้ เช่น เหงือกอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองโต ผอม น้ำหนักลด มีไข้ และ อาจมีโรคติดเชื้อแทรกซ้อนอื่นๆ ที่ไม่จำเพาะ เช่น โรคทางเดินหายใจ โรคผิวหนัง ได้อีกด้วย
จะรู้ได้อย่างไรว่าติดเชื้อ ต้องตรวจอะไร ?
ก่อนอื่นสัตวแพทย์ต้องทำการตรวจร่างกาย และ ถามถึงประวัติ เช่น การเป็นอยู่ การเลี้ยงระบบปิด/เปิด เคยโดนแมวตัวอื่นกัด หรือ เป็นแมวจรมาก่อนรับเข้ามาเลี้ยงหรือไม่ รวมถึงอาการต่างๆ จากนั้นจึงทำการตรวจเพิ่มเติมโดยใช้ตรวจชุดตรวจ (ความแม่นยำและความจำเพาะประมาณ 90%) หรือ ตรวจอื่นๆ เพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ เช่น PCR ที่มีความแม่นยำและจำเพาะมากกว่า หรือ ใช้การตรวจซ้ำอีก 6 เดือน เพื่อยืนยันผล นอกจากนี้ ในลูกแมวที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน หากตรวจเจอผลเป็นบวก ควรได้รับการตรวจซ้ำอีกครั้งหลังอายุเกิน 6 เดือน เนื่องจากมีโอกาสที่ลูกแมวจะได้รับภูมิคุ้มกันมาจากแม่ แต่ไม่ได้ติดโรคเอง จึงอาจทำให้เกิดผลบวกลวงได้ หรือ ในรายที่พึ่งได้รับเชื้อ (เช่นพึ่งไปกัดกันมา) และ ร่างกายยังไม่ทันสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ FIV อาจทำให้ตรวจไม่เจอ หรือ เป็นผลลบลวงได้ เนื่องจากวิธีการตรวจส่วนใหญ่จะตรวจหาภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อเชื้อ FIV
รักษาอย่างไรได้บ้าง ?
โรคนี้ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ 100% การรักษาจึงเป็นในแนวทาง แก้ไขปัญหาแทรกซ้อน ชะลอการเป็นไปของโรค ซึ่งเจ้าของสามารถดูแลและรักษาอาการป่วยร่วมกันกับแพทย์ได้ โดยการลดความเครียด การให้น้ำและกินอาหารดีๆ ที่มีประโยชน์และเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง รวมถึงพามาตรวจร่างกายกับสัตว์แพทย์อย่างต่อเนื่อง เพราะแมวที่เป็นโรคนี้มักจะมีอาการซูบผอม และ อาจมีปัญหาแทรกซ้อนได้ เช่น เหงือกอักเสบ เจ็บปาก ทานอาหารลดลง อาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะ ร่วมกับยาลดอักเสบต่างๆ หรือ การใช้แสงเลเซอร์ช่วยลดอักเสบ รวมไปถึงกรณีที่เป็นรุนแรงมากอาจต้องใช้การถอนฟัน ร่วมกับการกินอาหารเหลวแทน แต่ปัจจุบันเริ่มมีการใช้ยาต้านไวรัสเหมือนของในคนเข้ามาใช้ประกอบการรักษามากขึ้น เช่น AZT; Zidovudin รวมถึงยาที่เสริมการทำงานของภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น เช่น Feline interferon omega
วิธีป้องกันโรคเอส์แมว ?
ทางที่ดีคือการเลี้ยงระบบปิดและทำหมัน เพื่อลดพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การต่อสู้กัน และ การกัดกับแมวอื่นจนได้รับเชื้อมา หากเป็นแมวที่พึ่งรับเข้ามาเลี้ยงร่วมกับแมวตัวอื่นที่บ้าน ควรปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อทำการตรวจคัดกรองโรคก่อนนำไปเลี้ยงรวมกับแมวที่บ้าน หรือ หากแมวที่บ้านเป็นโรคนี้อยู่แล้ว ควรแยกเลี้ยงกับตัวอื่นที่ยังไม่ติดเชื้อ ซึ่งแม้ว่าโรคนี้จะมีการฉีดวัคซีนป้องกันได้ แต่อย่างไรก็ตามวัคซีนก็ไม่สามารถป้องกันโรคได้ 100% ดังนั้นการป้องกันจึงดีที่สุด
ตั้งแต่โชคดีอยู่บ้านเรามาเค้าจะอยู่แต่ในห้องฟิตเนส ซึ่งช่วงกลางวัน เราจะเปิดประตูระหว่างตัวบ้านกับห้องฟิตเนสไว้ตลอด เผื่อโชคดีอยากจะมานั่งเล่น นอนเล่นในบ้าน มาเดินสวนหลังบ้านบ้าง เค้าจะได้ไม่เบื่อ แต่เค้าก็ไม่เข้ามา มารยาทดีเหลือเกินลูกชายคุณแม่
เราเคยเอาอาหารมาวางในบ้านเค้ายังไม่เข้ามาเลย จนวันหนึ่งเค้าก็เดินเข้ามา วันนั้นเกิดขึ้นหลังจากโชคดีไปหาหมอมาได้ 2 วัน ซึ่งเรานั่งทำงานอยู่ โชคดีเดินย่องๆ เข้ามา เราดีใจมากๆ ที่เค้าเข้ามาเสียที เราปล่อยให้เค้าเดินสำรวจตามสบาย ไม่ไปทักอะไร โชคดีเดินช้าๆ มองๆไปทั่วบ้านแล้วก็มาหยุดมองที่ตู้ปลา 555+ เราต้องรีบบอกเค้า “โชคดีครับนั่นน้องนะลูก น้องกินไม่ได้นะลูก”
หลังจากวันนั้น โชคดีก็เดินเข้ามาในบ้านตลอด ดูเค้าจะชอบมากๆ ด้วยค่ะ ตั้งแต่เข้ามาในบ้าน เค้ามีมุมโปรดหลายมุมมาก ส่วนใหญ่จะเป็นมุมตามซอกตามหลืบ มีไปพรางตัวตรงหน้าทีวีด้วยนะคะ เล่นซะเราเกือบหาไม่เจอเลย สีกลมกลืนมากๆ จริงๆ
เรื่องเล่าของเจ้าโชคดี ลูกชายสุดที่รักของเรา สามารถเล่าเรื่องราวของเค้าได้ไม่รู้จบ เพราะมันยังไม่มีตอนจบ ตั้งแต่มีเค้าเข้ามาในชีวิต เวลาออกไปข้างนอก จะรีบอยากกลับบ้านมาอยู่โชคดีให้เร็วที่สุด ทุกวันนี้เราซื้อของให้ตัวเองน้อยมาก แต่ซื้อให้โชคดีเยอะแยะเลย ช่วงค่ำทุกๆ วันเป็นเวลาครอบครัวของเรา 3 คนพ่อแม่ลูก ที่จะมาอยู่ใกล้ๆกัน ใช้เวลาดีๆ ร่วมกัน
โชคดีจะมานอนตักเราที ไปนอนตักสามีเราทีแบบนี้ตลอด เค้าอ้อนเก่งมาก ชอบให้เราทั้งคู่ลูบหัวลูบตัว เค้าก็จะหลับตาเคลิ้ม แถมคุยเก่งด้วยค่ะ เค้าจะส่งเสียงแอ๊วๆ อยู่เรื่อยๆ เราก็จะคอยทำเสียงเลียนแบบเค้า เวลาเราทำงาน เค้าจะมานอนใกล้ๆ ให้อยู่ในระดับสายตาที่เราจะมองเห็น เช้ามาก็จะมารอที่หน้าประตูเตรียมวิ่งเข้ามาหาเรา
พอตกดึกที่เราเตรียมจะขึ้นนอน เค้าก็จะรู้ว่าเค้าก็ต้องเดินไปนอนที่ห้องเค้า และอีกอย่าง ตอนนี้โชคดี กลบทรายแล้วนะคะ ไม่ได้สอนค่ะ อยู่ๆ เค้าก็ทำของเค้าเอง เค้าฉลาดและอยู่เป็นเอาเสียมากๆ เลยเจ้าลูกชายเราเนี่ยะค่ะ เราทั้งคู่ตั้งใจจะดูแลโชคดีให้ดีที่สุด จะให้ความรัก การดูแลเอาใจใส่เค้าให้สมกับที่เค้าเลือกแล้วว่าอยากอยู่กับเรา
















เราชอบประโยคนี้มากๆ เลยค่ะ ฟังมาจากทาสแมวคนหนึ่ง เค้าบอกว่า “เรามีโอกาสออกไปพบเจอโลกภายนอกใหม่ๆได้ทุกวัน ในขณะที่สัตว์เลี้ยงของเรา โลกของเค้ามีแค่เราเท่านั้น “
ด้วยรัก…ม้าน้ำ
ที่มาของข้อมูลโรคเอดส์แมว baanlaesuan.com