หาความสุขใส่ตัว
การที่เราแบกเจ้าความทุกข์มาสุมไว้ จนเป็นขยะกองโตมโหฬารที่เหม็นเน่าอยู่ภายในใจ เฝ้าครุ่นคิดแต่ว่า ทำไมถึงโชคร้ายนัก ทำไมโลกไม่แฟร์เอาซะเลย ความคิดแย่ๆที่ตอกย้ำทำร้ายตัวเองอยู่ร่ำไป กระทั่ง ขยะความทุกข์ท่วมท้นออกมา จนทำให้เรากลายเป็นคนที่เอาแต่ด่า เอาแต่มองทุกอย่างแบบตั้งแง่ และมีอคติไปเสียทุกเรื่อง อยากเป็นคนแบบนั้นจริงๆหรือ
สิ่งหนึ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้เลย ก็คือไม่ว่าความทุกข์หรือความสุขก็ตาม ทุกคนล้วนเคยพบเจอกับมันมาแล้ว และในความเป็นจริงอีกข้อคือ ทุกอย่างในโลกกลมๆใบนี้ ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป หากเรามีกล่อง 2 ใบ ใบหนึ่งไว้ใส่ความทุกข์ที่มีแต่กลิ่นเน่าเหม็น อีกใบเอาไว้ใส่ความสุขที่กลิ่นหอมละมุน มันจำเป็นด้วยหรือ ที่เราจะต้องใส่ทั้งสองอย่างลงไปในปริมาณที่เท่าๆกัน จะดีกว่าหรือไม่คะ ถ้าวันนี้ ฟรายเดย์ โฟลว จะพาคุณผู้อ่านที่น่ารัก มาหาความสุขใส่ตัวกันเพื่อให้ปริมาณความสุข มีมากกว่าความทุกข์นั่นเอง
1.ลองทำอะไรด้วยตัวคนเดียว
หลายคนมักผูกติดความสุขไว้กับผู้อื่น ซึ่งนั่นก็เหตุเพราะกลัวความเหงา บางครั้งการที่เราปล่อยให้ตัวเองว่างเพราะรอจะต้องทำอะไรพร้อมกับคนอื่น นั่นก็นำพาความฟุ้งซ่านจนทำให้ทุกข์ใจได้ ลองทำอะไรด้วยตัวเองคนเดียวดูค่ะ เช่น การไปซื้อของคนเดียว การไปเที่ยวคนเดียว การขับรถไปไหนมาไหนเองโดยไม่ต้องรอใครพาไป นอกจากจะเปิดประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิตแล้ว คุณเองจะมีทักษะบางอย่างที่ดีขึ้นด้วยค่ะ
2.พาตัวเองให้ห่างจาก Toxic People
คนที่มีพฤติกรรมที่ส่งผลให้คุณไม่มีความสุข จำพวกคนขี้นินทา คนที่เข้ามาคบค้าสมาคมกับคุณเพียงเพราะหวังประโยชน์ คนที่เอาแต่พ่นคำร้ายๆให้คุณฟัง คนมองโลกในแง่ลบก็ด้วยนะคะ กลุ่มคนเหล่านี้ ไม่จำเป็นที่เราจะต้องไปสุงสิงเลยค่ะ รังแต่จะทำให้เราซึมซับพลังลบจากพวกเค้าเปล่าๆ ไม่ว่าความสัมพันธ์นั้นจะอยู่ในรูปแบบไหน รีบดึงตัวเองออกมานะคะ
3.เป็นผู้ให้โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ
ทุกการให้ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ เงินทอง การเสียสละ หรือแม้แต่การให้อภัยที่ยากที่สุด ขอเพียงให้คุณให้ไป โดยที่ไม่ต้องหวังผล ให้ไปด้วยใจที่เต็มไปด้วยเจตนาที่ดีก็พอค่ะ สมมุติว่า เราบริจาคเงินให้กับมูลนิธิใดสักที่หนึ่งแล้วใจก็คิดว่า เค้าจะเอาไปทำอะไรต่อ จะไปใช้อย่างถูกต้องมั้ย เพียงแค่นี้ใจก็ทุกข์ได้แล้วนะคะ หากเพียงเราให้ไปโดยไม่ต้องมีกังวลอะไร เพราะในความตั้งใจของเราคืออยากจะให้ไม่ใช่หรือ ทำจิตใจนั้นให้เต็มไปด้วยความปิติยินดี และเบิกบานก็พอแล้วค่ะ
4.ไม่ต้องสมบูรณ์แบบซะทุกเรื่อง
คนที่มีความต้องการให้ทุกอย่างเป็นอย่างใจ ต้องสมบูรณ์แบบที่สุด คนแบบนี้เต็มไปด้วยความวิตกกังวล ความเครียด ความทุกข์กระจายแผ่ไปทั่วทุกอณูค่ะ ที่กล้าบอกขนาดนี้ เพราะเราคือคนแบบนั้นมาก่อนค่ะ ทุกอย่างต้องเป๊ะ ต้องเพอร์เฟค หากไม่ได้อย่างใจ ทุกข์หนักเลยค่ะ เรื่องบางเรื่องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ขาดบ้างเกินบ้าง บางครั้งกลับได้อะไรที่แปลกใหม่ และสนุกได้กว่าเดิมอีกนะคะ
5.เว้นระยะห่างจากโลกโซเชี่ยล (Social) บ้าง
ถ้าถามว่าตื่นขึ้นมาทำอะไรอย่างแรก คนส่วนใหญ่จะตอบทันทีว่า หยิบมือถือเช็ค Facebook บ้าง เข้า IG บ้าง การอัพเดตความเคลื่อนไหวของโลกหรือไลฟ์สไตล์ของใครเป็นอย่างไร มันก็อาจจะเพลินค่ะ แต่ลองนึกดีๆว่า เราใช้เวลากับโลกโซเชี่ยลจนเข้าขั้นเสพติดหรือไม่ หลายคนชีวิตติดโซเชี่ยลมากๆ จนลืมตัวตนจริงๆของเราไป เห็นใครมีอะไรก็อยากมีบ้าง เกิดกิเลสบางอย่างที่จริงๆเราอาจไม่ได้ต้องการมันก็ได้ และอย่าลืมนะคะ โลกออนไลน์คือการที่นำเสนอในบางด้านบางมุม ที่อยากให้คนทั่วไปเห็นก็เท่านั้นเอง พอจะเห็นภาพมั้ยคะ ดังนั้นอยู่ในโลกออนไลน์ให้น้อยกว่าอยู่ในโลกความจริง สัมผัสชีวิตติดธรรมชาติดูก็ได้ค่ะ แล้วจะพบว่า ชีวิตนี้มีอะไรให้ทำและความสุขได้ง่ายมากๆ
6.สนใจสายตาคนอื่นให้น้อยลง
ยิ่งโตขึ้นสิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้คือ การไม่ต้องสนใจว่าใครจะคิดยังไงกับเรา เค้าจะมองว่าเราดีหรือไม่ดีนั่นคือเรื่องของเค้า เราทำตัวเราเองให้มีความสุขและไม่เดือดร้อนใครแค่นั้นเอง อย่าไปติดกับดักคำชม คำเยินยอ หรือคำติฉินนินทาใดๆมากนักนะคะ เพราะไม่ว่าจะเป็นคำชมหรือคำด่า ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปค่ะ เราคือตัวเรา แค่เรารู้ว่าทำสิ่งที่ดีแล้วก็พอ ไม่ต้องสนว่าจะมีใครชมหรือไม่ แค่นี้ใจก็สุขแล้วค่ะ
7.รักษาสุขภาพตัวเองให้แข็งแรง
การหาความสุขใส่ตัว จะขาดข้อนี้ไม่ได้เลยค่ะ คำว่า สุขภาพ เห็นมั้ยคะ มีคำว่า สุข ประกอบอยู่ในคำด้วย เพราะการมีสุขภาพที่ดี เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆต่อการใช้ชีวิตเลยค่ะ ลองคิดดูว่า ถ้าเราต้องมาป่วย ในขณะที่งานกำลังไปได้สวย แต่ต้องหยุดพักรักษาตัว แค่นี้ก็ทุกข์แล้วค่ะ ไหนจะค่าใช้จ่ายในการรักษาอีก ทุกข์คูณสองเลย การดูแลสุขภาพอย่างที่ทราบกันดี คือ เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ออกกำลังกายเป็นประจำ ให้ร่างกายได้หลั่งสารแห่งความสุขออกมาเท่านี้เองค่ะ
8.ปล่อยมือจากอดีต
การผูกติดตัวเองไว้กับอดีต ทั้งเรื่องดีและไม่ดี ล้วนแต่ทำลายความสุข ณ ปัจจุบัน ของเราไปนะคะ สมมุติบางคนมีอดีตที่เลวร้าย แล้วยังจมอยู่กับความทุกข์ใจนั้น ย่อมทำให้ใช้ชีวิตในปัจจุบันอย่างหดหู่ เศร้าหมอง หรือแม้แต่บางคนที่มีอดีตที่ดีมากๆ เมื่อเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน ก็ทุกข์ได้เช่นกันค่ะ การอยู่กับปัจจุบัน และทำมันให้ดีที่สุด จะทำให้เราใช้ชีวิตในทุกๆวันอย่างมีความสุขได้แน่นอนค่ะ
9.ออกจาก comfort zone
การเติมความสุขให้ชีวิต โดยการลองอะไรใหม่ๆ ไม่ทำอะไรซ้ำๆหรือทำตามที่ถนัด ก็คือการออกจาก comfort zone (พื้นที่ปลอดภัย) นั่นเอง แน่นอนการทำอะไรเหมือนเดิม มันสบายใจ แต่ทำอะไรใหม่ๆมันกระตุ้นและท้าทายกว่านะคะ หมั่นเติมเชื้อไฟให้ตัวเองได้ทำอะไรที่ต่างจากเดิมบ้าง ฉีกความน่าเบื่อ จำเจที่ทำอยู่ทุกวันๆ เปิดรับสิ่งใหม่ให้ชีวิต ยกตัวอย่างง่ายๆเลย ลองจัดบ้านดูค่ะ เปลี่ยนมุมเดิมๆที่เห็นทุกวัน เพิ่มความมีชีวิตชีวาเข้าไป หรือ ลองทำงานให้เกินจากที่ได้รับมอบหมาย สั่ง 100 ทำ 120 ดูก็ได้นะคะ เวลาเราทำอะไรใหม่ๆ มันจะมีความสุขจากข้างในอย่างชนิดที่อธิบายไม่ถูกเลยค่ะ
“ขอขอบคุณคุณผู้อ่านที่น่ารักที่อ่านบทความนี้อย่างตั้งใจจนจบ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประโยชน์ที่ได้รับ จะสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตได้ไม่มากก็น้อยนะคะ”
ด้วยรัก…ม้าน้ำ