เพิ่มความสุขได้ง่ายๆ ได้ผลระยะยาว (จิตวิทยาเชิงบวก)
สวัสดี คุณผู้อ่านที่น่ารัก ทุกท่านค่ะ วันนี้ ฟรายเดย์ โฟลว ได้กลับมาเขียนบทความเกี่ยวกับ ความสุข อีกครั้งหนึ่ง
ในบทความนี้ จะนำเทคนิคการเพิ่มความสุขให้ตัวเองแบบง่ายๆที่ใช้ได้ผลในระยะยาว ซึ่งเป็นแนวทางการปฏิบัติโดยมีพื้นฐานจากแนวคิดทางจิตวิทยาเชิงบวกมาแนะนำค่ะ
คำว่า ความสุข มีนักจิตวิทยาท่านหนึ่งชื่อ วีน โฮเฟ่น ได้นิยามคำนี้ไว้ว่า
ความสุข คือ การประเมินของแต่ละบุคคลว่าชื่นชอบชีวิตโดยรวมของตัวเองมากเพียงใด ลักษณะของคนที่มีความสุข จึงหมายความถึง คนที่ชอบและพึงพอใจในชีวิต มีความนับถือตัวเอง มองโลกในแง่ดี ชอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ มีอารมณ์ที่มั่นคง และเชื่อว่าตัวเองจะได้พบเจอสิ่งดีๆ ในอนาคต
คุณผู้อ่านมีลักษณะตรงตามนี้มั้ยคะ ถ้าอ่านแล้ว มี ยินดีด้วยมากๆๆค่ะ แต่ถ้าอ่านแล้ว ไม่มี ไม่เป็นไรนะคะ ความสุขสามารถสร้างได้ เรามาดูกันเลยค่ะ
1.ดูแลสุขภาพร่างกาย
ร่างกายและจิตใจเป็นส่วนที่สัมพันธ์กัน หากร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วย จิตใจก็แจ่มใสไปด้วย ดังนั้นจึงต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยการออกกำลังกายเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20-60 นาที พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ฟรายเดย์ โฟลว ขอแนะนำอาหารที่ช่วยให้ร่างกายหลั่งสารต่อต้านอารมณ์ซึมเศร้าหรือหงุดหงิด นั่นคือสารอาหารจำพวกทริปโทแฟ่น (tryptophan) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ มีอาหารหลายชนิดเลยค่ะ แต่คัดเฉพาะที่หาทานง่ายๆมาให้ ได้แก่ สาหร่ายทะเล เมล็ดทานตะวัน กล้วยหอม นมพร่องมัน เนย ฟักทอง ค่ะ
2.ยิ้มให้กับตัวเองทุกวัน
ในแต่ละวันหลังจากตื่นนอนให้ยิ้มที่หน้ากระจกพร้อมพูดกับตัวเองในเรื่องดีๆ เช่น พูดถึงข้อดีของตัวเอง พูดให้กำลังใจกับตัวเอง โดยสามารถพูดในใจหรือพูดออกเสียงมาก็ได้ค่ะ เช่น วันนี้เราจะมีความสุขมากๆ งานราบรื่นประสบความสำเร็จ เงินทองหลั่งไหลเข้ามาทั่วทุกสารทิศ สุขภาพแข็งแรงสุดๆ เราทำได้ยอดเยี่ยม เราเก่งมากๆ คำพูดดีๆที่เราคอยพูดกับตัวเองอยู่เสมอ คำเหล่านี้จะไปฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก ทำให้เราเกิดพลังใจดีๆในการใช้ชีวิตในทุกๆวันด้วยค่ะ ข้อนี้ขอบอกเลยว่า ผู้เขียนทำมาตลอด ดีจริงๆค่ะ
3.ฝึกบริหารจิตใจ ฝึกทำสมาธิ
การฝึกบริหารจิตใจ ฝึกทำสมาธิเป็นการทำให้จิตใจเข้มแข็ง มีสติ ตื่นรู้อยู่เสมอ เมื่อมีปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ จะสามารถพิจารณาได้อย่างมีเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง
คนส่วนใหญ่มักจะปล่อยตัวเองให้เป็นไปตามอารมณ์ โดยเฉพาะอารมณ์ด้านลบ เช่น อารมณ์โกรธ อารมณ์เศร้า เสียใจ มักจะทำให้คนนั้นเกิดความทุกข์ใจมากกว่าความสุข ดังนั้น หากเรามีสมาธิและฝึกฝนจิตใจของเราให้มั่นคง เราจะควบคุมตัวเองได้ดีค่ะ
การทำสมาธิแบบง่ายๆ คือการนับลมหายใจเข้าออก หนึ่ง สอง สาม สี่ ไปเรื่อยๆ จะหลับตาหรือลืมตาก็ได้นะคะ ถ้าจะลืมตาให้มองไปที่จุดเดียว ระหว่างทำสมาธิ หากความคิดกำลังล่องลอยออกไปที่อื่น ให้รู้และหยุดความคิดนั้น ตั้งต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง เพื่อให้นำจิตกลับมาที่เดิม ช่วงแรกๆที่ฝึก อาจจะใช้เวลาเพียง 5-10 นาทีก่อน และเมื่อเริ่มทำได้นิ่งขึ้น มีสมาธิขึ้น ก็เพิ่มเวลาได้ตามสะดวกเลยค่ะ
4.ทำแต่ละวันให้มีคุณค่า
วันเวลา เป็นสิ่งที่มีค่า หากผ่านไปแล้วไม่สามารถย้อนคืนได้ หลายคนอาจจะเคยเสียใจที่ไม่ได้ทำบางสิ่งบางอย่าง โดยเฉพาะกับพ่อแม่และคนในครอบครัว ถ้าวันนี้เรายังไม่ได้ทำสิ่งดีๆ ให้แก่กันอย่างเต็มที่ เราอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเลยก็ได้นะคะ ให้ลองคิดว่า “ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต เราจะทำสิ่งดีๆอะไรในวันนี้บ้าง” วิธีคิดแบบนี้จะทำให้เราได้ตระหนักถึงการใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมีคุณค่ามากขึ้นค่ะ
5.ค้นหาสิ่งดีๆที่มีอยู่
การค้นหาสิ่งดีๆที่มีอยู่ คือการฝึกการมองหาข้อดี หรือสิ่งดีๆ ที่ตัวเราเองมีอยู่ ทั้งนี้รวมถึงคนดีและโอกาสดีที่อยู่รอบตัว ซึ่งในบางครั้งเราอาจมองข้ามไป เช่น “แม้ว่างานจะหนักจนทำให้เกิดความท้อแท้ในบางครั้ง แต่เราก็โชคดีที่มีงานทำ” จากที่ยกตัวอย่างมา จะเห็นว่า การมีงานทำนั้นดีเพียงไร เพราะด้วยสถานการณ์ตอนนี้ คนตกงานเป็นจำนวนมากเลย จริงหรือไม่คะ หรืออีกตัวอย่าง “ถึงแม้จะเสียแม่ไปแล้ว แต่พ่อยังอยู่ ” ถ้าเรามัวคิดว่าตัวเองกำพร้าแม่ ใจก็คงต้องทนทุกข์ต่อไป แต่ถ้ามองเห็นว่าเรายังมีพ่อที่ยังมีชีวิตอยู่ เราสามารถตอบแทนบุญคุณท่านได้ ถ้ามองเห็นสิ่งที่มีอยู่ เราจะมีความสุขขึ้นได้นะคะ
6.รู้จักการปล่อยวาง
เรื่องราวหรือสถานการณ์บางอย่างที่ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถย้อนเวลาหรือย้อนเหตุการณ์กลับมาแก้ไขได้ ดังนั้น ควรปรับความคิดให้รู้จักการปล่อยวาง และคิดว่าการที่เราหมกมุ่นกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว เป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์ และการนำเรื่องราวนั้นกลับมาคิดซ้ำๆก็เป็นการทำร้ายตัวเองและทำให้เราจมปลักกับความทุกข์ไม่จบไม่สิ้นนะคะ จงเรียนรู้ที่จะนำอดีตมาเป็นบทเรียน และแนวทางการแก้ไข ป้องกันไม่ให้เกิดในครั้งต่อไปจะดีกว่าค่ะ
7.รู้จักการให้อภัย
หากมีคนทำให้โกรธไม่พอใจ หรือแม้แต่ตัวเราทำอะไรผิดพลาดก็ตาม ให้ปรับความคิดว่า มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ทุกคนมีสิทธิ์ทำผิดพลาดได้ ปรับมุมมองของการพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้นให้หลากหลาย จากนั้นให้นึกถึงสิ่งดีๆ ที่คนๆนั้นเคยทำ ให้อภัยในสิ่งที่เค้าได้กระทำให้เราโกรธ หรือในกรณีที่ตัวเราทำอะไรผิดพลาดจนโกรธเกลียดตัวเองก็เช่นกันค่ะ ให้อภัยตัวเองแล้วเริ่มต้นใหม่ บอกตัวเองว่า เราจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น เพราะหากเราไม่กำจัดความโกรธแค้นทิ้ง ก็เหมือนการนำของเน่าเสีย ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง ดังนั้นการให้อภัย จะทำให้สภาวะจิตใจของเราสบายขึ้น สุขภาพจิตดีและมีความสุขตามมาค่ะ
8.คิดถึงและขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
การเขียนบันทึกเหตุการณ์หรือนึกถึงเหตุการณ์ดีๆที่น่าประทับใจก่อนนอน ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่อะไรเลยค่ะ อาจเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องนั้นทำให้เรารู้สึกดี หลังจากนั้นทุกคืน ให้บันทึกลงในสมุดและขอบคุณเรื่องดีๆนั้น ซึ่งหากทำเป็นประจำ จะพบว่าจริงๆแล้ว เรามีความสุขได้หลายเรื่องเลยในแต่ละวัน เช่น วันนี้มีคนใจดีจอดรถให้เราข้ามถนนด้วย เราได้พยักหน้าและยิ้มขอบคุณคนขับรถคันนั้นไปแล้ว รู้สึกดีมากๆเลย ที่ได้เจอคนมีน้ำใจกับเรา หรือ วันนี้เราได้อุดหนุนขนมของพี่คนพิการด้วย ขนาดพี่เค้าร่างกายไม่สมบูรณ์ เค้ายังตั้งใจทำงานหาเลี้ยงชีพไม่อยู่เฉย เราเองมีครบ 32ประการ รู้สึกมีพลังใจ ความท้อแท้หายไปเลย ขอบคุณที่วันนี้ได้เจอพี่คนพิการที่มาช่วยปลุกไฟในการทำงานนะคะ จะเห็นว่า ที่ยกตัวอย่างไป สามารถเป็นเรื่องอะไรก็ได้ที่ทำให้เรารู้สึกดีๆในแต่ละวันได้ คิดถึงและขอบคุณได้หมดเลยค่ะ ข้อนี้ผู้เขียนก็ทำทุกคืนก่อนนอน บอกเลยว่า มันเยี่ยมมากๆค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ 8วิธีสร้างความสุขตามหลักจิตวิทยาเชิงบวก ที่ ฟรายเดย์ โฟลว เอามาฝากกันในบทความนี้
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณผู้อ่านจะได้รับประโยชน์และนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันอย่างมีความสุขนะคะ
ด้วยรัก….ม้าน้ำ