เปลี่ยนคำพูดสักนิด เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
คำพูด ไม่ใช่เป็นเพียงเสียงที่เปล่งออกมาจากปากเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อตัวเราเองและผู้อื่น ทั้งด้านความคิด และพฤติกรรมของเรา เป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกันทั้งหมด จากความคิด เป็นคำพูด จากคำพูด เป็นการกระทำ จากการกระทำ เป็นนิสัย จากนิสัย สุดท้ายจะเป็นตัวตนของเรา
ปกติคนเรา มักจะมีคำพูดติดปาก ที่พูดจนติดเป็นนิสัยแล้ว หากคำพูดนั้นเป็นคำเชิงลบ ย่อมส่งผลไปที่จิตใจภายในโดยที่เราไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกที เรากลายเป็นคนแบบนั้นไปแล้ว ฉะนั้น เรามาเปลี่ยนคำพูดกันสักนิด เพื่อให้ชีวิตดีขึ้นกันดีกว่าค่ะ
3 คำพูดที่ควรเปลี่ยน
1. จากคำว่า ต้องทำ เปลี่ยนเป็น อยากทำ
เมื่อไหร่ที่พูดว่าต้องทำ…. ความรู้สึกจะกลายความกดดัน อึดอัด เหมือนถูกบังคับด้วยอะไรบางอย่าง เช่น คืนนี้ ต้องนอนเร็วเพราะพรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้า เมื่อพูดคำนี้ออกมา เราจะส่งความรู้สึกเข้าไปทันทีว่า ต้องทำ เพราะโดนบังคับจากสถานการณ์ แต่แค่เราเปลี่ยนคำพูด นิดเดียวเป็น คืนนี้อยากนอนเร็วๆ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาสดชื่นไปประชุมแต่เช้า เมื่อคำพูดเชิงบวกถูกส่งออกไป ความรู้สึก จะเปลี่ยนเป็นพลังงานดีๆ แทน และเราจะอยากทำสิ่งนั้น มากกว่ารู้สึกโดนกดดันให้ต้องทำค่ะ
2. จากคำว่า เดี๋ยวก่อน เปลี่ยนเป็น เดี๋ยวนี้
ข้อนี้น่าจะโดนใจใครหลายคน รวมทั้งเราด้วยค่ะ การที่เราเป็นคุณเดี๋ยวก่อน ส่งผลรุนแรงต่อพฤติกรรมมากๆ ค่ะ เดี๋ยวก่อนละกัน เดี๋ยวค่อยทำก็ได้ สุดท้ายจะไม่ได้ทำอย่างที่คิดไว้แน่นอน เมื่อก่อนเราเป็นบ่อยค่ะ แต่ดีขึ้นเยอะแล้ว ลองดูนะคะ ถ้ามีความคิดอยากจะทำอะไรบางอย่าง ให้พูดกับตัวเองว่า จะทำเดี๋ยวนี้เลย เพราะความรู้สึกหลังพูดว่า จะทำเดี๋ยวนี้ จะทำให้เราตื่นเต้น สนุกและไม่เบื่อที่จะทำค่ะ และให้ลงมือทำทันทีที่คิดอะไรดีๆ ได้ สมองของเรา มันซื่อสัตย์นะคะ ถ้าเราพูดว่า เดี๋ยวก่อน สมองจะรับรู้ทันทีว่า ที่เราพูดว่าเดี๋ยวก่อน เพราะมันไม่จำเป็น ทำไปก็จะเหนื่อยเปล่า นี่แหละค่ะ ถึงได้บอกว่า คำพูดนั้นสำคัญจริงๆ เมื่อพูดแล้วลงมือทำเดี๋ยวนี้ ก่อนความคิดดีๆ จะหายไป แต่หากเรายังทำธุระบางอย่างอยู่ เช่น สมมุติว่า ตั้งใจจะกวาดบ้าน แต่กำลังทำงานอยู่ ให้จดบันทึกไว้เลยค่ะว่า กลับถึงบ้าน จะกวาดบ้านทันที การจดบันทึกจะช่วยเตือนความจำได้ว่าเรา มีแพลนจะทำอะไร ต่อให้เราอาจหลงลืมไป แต่สิ่งที่เราเขียนไว้ ยังคงอยู่ เมื่อถึงบ้านก็เปิดรายการที่บันทึกไว้ว่าจะทำอะไร และลงมือทำได้ทันที จะได้ไม่เป็นคนช่างเดี๋ยว สิ่งนี้จะช่วยลดการเป็นคนผลัดวันประกันพรุ่งได้ดีมากค่ะ การทำลิสต์รายการไว้ว่าจะทำอะไรบ้าง แล้วลงมือทำตามลิสต์ เราใช้วิธีนี้ได้ผลอย่างมากค่ะ
3. จากคำว่า มีแต่เรื่องแย่ๆ เปลี่ยนเป็น ก็ดีนะ…….
คำนี้คือคำเชิงบวกที่ใช้ได้ดีในเวลาเจอเรื่องราวไม่สู้ดีนัก เช่น หลายคนอาจจะถูกพักงาน ในช่วงโควิด บริษัทลดการจ่ายเงินเดือนลง หากเราพูดแต่ด้านลบของสถานการณ์นี้ นอกจากชีวิตเราจะไม่พบทางออกแล้ว ยังเสียสุขภาพจิตด้วยค่ะ แต่ถ้าเราพูดกับตัวเองว่า ก็ดีนะ จะได้มีเวลาทำในสิ่งที่อยากทำ เช่น ถูกพักงาน ก็ดีนะ จะได้มีเวลาทำอาหารที่อยากทำแต่ไม่มีเวลาทำเสียที ไม่แน่นะคะ อาจทำขายได้ เป็นช่องทางรายได้เลยก็ได้ค่ะ เห็นมั้ยคะ คำว่าก็ดีนะ มันสร้างความรู้สึกในเชิงบวก และทำให้เราได้ไอเดียใหม่ได้ด้วยค่ะ
ชีวิตคนเรามีอะไรเกิดขึ้นมากมาย เพียงเราเลือกใช้คำพูดในเชิงบวก คำพูดที่สร้างสรรค์ นอกจากจะส่งตรงไปยังสมอง ให้รับรู้สิ่งดีๆ แล้ว ยังจะส่งผลมาสู่การกระทำที่แสดงออกในทางที่ดีตามมาด้วยแน่นอนค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้จะให้ประโยชน์กับผู้อ่าน ไม่มากก็น้อย นำไปปรับใช้กันดูนะคะ
ขอให้ทุกคนเต็มไปด้วยคำพูดดีๆ พลังงานดีๆ ค่ะ
ด้วยรัก….. ม้าน้ำ