กฎแรงดึงดูด พลังวิเศษในตัวเรา
“กฎแรงดึงดูด ” คือ พลังความคิด ความปรารถนา ความต้องการ และการเพ่งความสนใจต่อสิ่งๆหนึ่งอย่างต่อเนื่อง จนเกิดอารมณ์ร่วม เกิดความเชื่อเข้ามาในจิตใจ และดึงดูดสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นจริงในชีวิต และมีคนส่วนใหญ่ที่ตั้งคำถามว่า แล้วทำไม คิดอย่าง ถึงได้อีกอย่างล่ะ
นั่นเพราะปัญหาเกิดจากความคิด ที่ไม่ได้คิด มากกว่า 80%ที่มีความคิดเกิดขึ้นแบบไม่ตั้งใจ บางความคิดเกิดขึ้นจากประสบการณ์ในอดีต บางความคิดเกิดจากความกลัว ความกังวลใจ อารมณ์ หรือปัญหาใดๆที่กำลังจะเกิดขึ้น บางความคิดเกิดจากสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์ มีเพียงแค่ 20%เท่านั้นที่เป็นความคิดที่เกิดจากความต้องการของตัวเราจริงๆ
ซึ่งถ้าเราปล่อยความคิดไปแบบไร้การควบคุม เราก็จะคิดไปเรื่อยเปื่อย เป็นความคิดที่ล่องลอย แต่คนส่วนใหญ่มักจะจดจ่อความคิดไปกับปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก ความกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ซึ่งหลายคนอาจจะบอกว่า ใช่สิ คนเราต้องโฟกัสความเป็นจริง จะให้ไปคิดสิ่งเพ้อเจ้อ ก็เห็นๆอยู่ว่าชีวิตตอนนี้มันบัดซบแค่ไหน จะให้ไปคิดลมๆแล้งๆเพ้อฝันอยู่ได้อย่างไรล่ะ
จริงๆ อยู่ที่ใครก็มีความฝัน มีสิ่งที่ปรารถนา แต่แค่ปัญหาตรงหน้าก็มากมายเกินกว่าจะคิดถึงสิ่งดีๆได้แล้ว นี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่เป็น คือการปล่อยให้ตัวเองมีความคิดย้ำๆซ้ำๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าไปกับสิ่งที่ไม่ต้องการ ไม่ได้อยากได้ ไม่ได้อยากเป็น แต่กลับใช้เวลาส่วนใหญ่คิดถึงแต่สิ่งเหล่านี้
เรามาดูระดับทางความคิดกันค่ะ ซึ่งมีการแบ่งออก เป็น 3 ระดับดังนี้ค่ะ
1.ความคิดเห็น เปลี่ยนแปลงได้ ไม่คงที่
2.ความเชื่อ จะมีระดับความเข้มข้นทางความคิดที่มากกว่าแบบที่ 1
3.ความเชื่อมั่นศรัทธา ระดับจิตใต้สำนึก ระดับความคิดเข้มข้นที่สุด เชื่อแบบไม่มีข้อสงสัยใดๆ
การปลูกฝังความคิดให้กลายเป็นความเชื่อ เมื่อเกิดความเชื่อจนไม่มีอะไรลบล้างความรู้สึกได้ ความคิดนั้นจะฝังรากลึกลงในระดับจิตใต้สำนึก ซึ่งนั่นคือระดับความคิดที่ 3 ความเชื่อมั่นศรัทธานั่นเองค่ะ
ที่เราใช้ในกฎแรงดึงดูด สิ่งต่อมาที่เราควรทำความเข้าใจเพิ่มนั่นก็คือ สภาพแวดล้อมต่างๆรอบตัวเรา สิ่งที่เกิดขึ้นในจักรวาลนี้ ล้วนเกิดจากพลังงาน ตัวเราก็เช่นกัน ความคิดของเราก็ด้วยค่ะ
พลังทางความคิดมีเซลล์เป็นล้านๆเซลล์ แต่ละเซลล์ ก็ประกอบด้วยอะตอม ที่มีอิเล็คตรอนวิ่งอยู่รอบๆนิวเคลียส ทำให้คนเราสามารถปล่อยพลังความคิดได้ทั้งพลังลบและพลังบวก นึกภาพตามนะคะ สมมุติว่าเรา ไปอยู่ในเหตุการณ์ที่มีคู่รักคู่หนึ่งทะเลาะกัน แม้ทั้งคู่ใช้ความเงียบ ไม่พูดไม่จากัน แต่เรากลับจะรับรู้ได้ถึงความอึดอัด บรรยากาศอึมครึม เหมือนมีรังสีแผ่ออกมา หรือ แม้กระทั่งเราเดินผ่านคนๆหนึ่งที่มองมาที่เรา เราก็สัมผัสถึงพลังความคิดนั้นได้ว่า คนที่มองมานั้นคิดกับเราเป็นมิตรหรือไม่
พลังความคิด คือพลังวิเศษที่ดึงดูดสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นในชีวิต เรียกได้ว่า เราคือผู้ที่ดึงดูดโลกภายนอกของตัวเรา ด้วยการใช้พลังภายในของเราเอง
การดึงดูดนี้ คือการที่เราไปใส่ใจ สนใจ คิดถึง มุ่งความคิดไปที่สิ่งๆนั้น ตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะต้องการสิ่งนั้นหรือไม่ก็ตาม นั่นเพราะ แม่เหล็กทางความคิดของเรา ไม่สามารถรับรู้ได้ว่า เราต้องการหรือไม่ แต่มันจะตีความจากการที่เราไปคิดถึงบ่อยๆ ว่าเราต้องการสิ่งนั้น จึงดึงดูดมาให้ตามที่คิด ดังคำกล่าวที่ว่า “เราจะดึงดูดสิ่งที่เราคิด เข้ามาในชีวิตเสมอ”
ดังนั้น การที่เรามีพลังวิเศษนี้อยู่ในตัวเราทุกคน เราจึงควรที่จะเลือกใช้มันให้เป็นตามที่เราปรารถนา คิดถึงสิ่งดีๆที่เราต้องการจริงๆ โดยตัดข้อสงสัย ความคับข้องใจออกไปให้หมดค่ะ
ยกตัวอย่าง
หากคุณอยากมีรถสปอร์ตสักคัน แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกว่า คงไม่มีทางซื้อรถราคาแพงแบบนั้นได้หรอก จะไปเทียบกับคนฐานะร่ำรวยอยู่แล้วได้อย่างไร ถ้าคิดแบบนี้จักรวาลก็ไม่มีทางที่จะดึงดูดรถสปอร์ตมาให้ เพราะความคิดค้านกันอยู่ภายใน แต่จะดึงดูดรถที่เสมอตัวมาให้ แต่หากคิดว่า อยากจะมีรถสปอร์ตสักคัน เชื่ออย่างแน่วแน่ว่าจะต้องซื้อรถสปอร์ตได้ พลังความคิด หรือพลังวิเศษในตัวนั้น จะทำให้คุณมองหาหนทางที่จะทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง พลังจักรวาลจะดึงดูดผู้คน โอกาส งาน และเงิน ที่จะทำให้คุณได้เป็นเจ้าของรถสปอร์ตคันนั้นจนได้
สุดท้ายอยากฝากคำถามไว้ ให้คุณผู้อ่านลองกลับไปถามตัวเองดูนะคะ
1.คุณโฟกัสความคิดที่เรื่องอะไรอยู่ ?
2.สิ่งนี้ใช่สิ่งที่คุณปรารถนาอย่างแท้จริงหรือไม่ ?
3.คุณคิดว่าสิ่งที่ปรารถนาเป็นไปได้หรือไม่ ?
4.คุณคิดถึงสิ่งนี้บ่อยแค่ไหน ?
แล้วกลับมาพบกันใหม่ ในบทความต่อไปนะคะ ขอให้คุณผู้อ่านที่น่ารัก ใช้พลังวิเศษที่มี เพื่อสิ่งที่ปรารถนา และ ฟรายเดย์ โฟลว ขอภาวนาให้คุณผู้อ่านได้รับสิ่งนั้นโดยเร็ววันด้วยนะคะ
ด้วยรัก….ม้าน้ำ
บทความนี้ได้แรงบันดาลใจจาก The best in you